โครงหลังคาที่นิยมใช้กันและเรารู้จักกันดีคือ โครงหลังคาเหล็ก และ โครงหลังคาไม้ แต่ในวันนี้เราจะมาดูกันให้ละเอียดเพื่อเป็นทางเลือกให้ท่านเจ้าของบ้านได้นำไปตัดสินใจอย่างเหมาะสม และสำหรับหลักในการเลือกใช้โครงหลังคาก็คือ หากเราไม่ได้ต้องการโชว์ตัวมันเอง เช่น มีฝ้าเพดานปิดเรียบร้อย ก็ใช้แค่โครงเหล็กธรรมดาก็เพียงพอและประหยัดเงินในกระเป๋าอีกด้วย แต่บางท่านอาจจะต้องการบ้านที่โชว์โครงสร้าง อันนี้แหละที่เราจะมาดูทางเลือกและราคากันครับ
1. โครงหลังคาเหล็ก เป็นโครงหลังคาที่เป็นที่นิยมที่สุดเนื่องจากราคาไม่แพงมาก การดูแลรักษาต่ำ หาช่างติดตั้งง่าย และคงทนถาวร ข้อดีของโครงหลังคาเหล็กคือสามารถทำหลังคาได้หลากหลายรูปแบบจะโค้งมากน้อยหรือแม้แต่เป็นลูกคลื่นก็ทำได้ ขนาดของโครงหลังคาเหล็กมีให้เลือกหลายขนาดขึ้นอยู่กับชนิดของหลังคาที่จำนำมามุง และจำเป็นต้องผ่านการคำณวณการรับ น้ำหนักจากวิศวกรก่อนเสมอ โดยเหล็กที่นิยมใช้ก็มีหลายราคาให้เลือกคือ
1.1 เหล็กรูปพรรณ ทั่วๆไป มันก็คือเหล็กสีดำทั่วๆไปที่เราเห็นเค้าเอามาทำหลังคา ทำเสา ทำโครงสร้างทั่วๆไปนั่นแหละ เหล็กประเภทนี้ต้องนำมาทาสีกันสนิมก่อน 2-3 ชั้น เพื่อให้โครงหลังคาคงทนถาวรไม่ผุกร่อนง่าย ท่านเจ้าของบ้านต้องกำชับและตรวจตราช่างเหล็กให้ดีๆครับ ส่วนสีกันสนิมนั้นก็มีหลายเกรดให้เลือกตามกำลังเงินและความจำเป็นแต่บ้าน โดยทั่วไปจะใช้แค่เกรดกลางๆที่ทาออกมาแล้วมันจะออกสี แดงออกส้มๆ (หรืออาจเป็นสีอื่นแล้วแต่ชนิดของสีกันสนิม) นอกเสียจากบ้านที่อยู่ใกล้ทะเลจึงจะต้องใช้เกรดที่ดีหน่อย แล้วจึงจะทาทับด้วยสีจริงตามต้องการต่อไป (เรื่องน้ำยาหรือสีกันสนิมไว้เราจะเอามาเล่าให้ฟังกันซักตอนเพราะน่าสนใจเหมือนกันครับ)
1.2 เหล็กเคลือบกัลวาไนซ์ เหล็กชนิดนี้เราสามารถเอามาทำการก่อสร้างได้เลยโดยไม่ต้องทาสีกันสนิมทับแล้ว เนื่องจากตัวเหล็กได้ทำการเคลือบกันสนิมมาจากโรงงานเรียบร้อยแล้ว ตัวเหล็กจะออกสีเงินๆสามารถเอามาทาสีจริงทับได้ แต่ต้องทาสีรองพื้นชนิดพิเศษโดยเฉพาะเสียก่อน เช่น TOA wash primer ก็สามารถทำให้เสาเป็นสีได้ก็ได้ที่เราต้องการ แน่นอนว่าราคาจะสูงกว่าราคาเหล็กธรรมดานิดหน่อยแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ ค่าแรงที่จ่ายและความน่ากังวลเรื่องมาตฐานการกันสนิมก็น้อยลงด้วย
1.3 เหล็กโครงถัก (Truss roof) Truss คือการนำเหล็กรูปพรรณขนาดต่างๆมาสานเชื่อมกันเพื่อให้โครงหลังคาสามารถรับน้ำหนักได้มากขึ้น เราจะใช้กับงานที่ต้องการพื้นที่ใช้งานกว้างๆโดยไม่อยากให้มีเสามาเกะกะ จะนำเอาเหล็กธรรมดาหรือกัลวาไนซ์มาใช้ก็ได้เช่นกัน
2. โครงหลังคาไม้เนื้อแข็ง โครงสร้างหลังคาไม้นั้น มักใช้กับบ้านที่ต้องการโชว์ให้เห็นโครงหลังคาเป็นส่วนใหญ่ เพราะโครงไม้ราคาสูงกว่าหลังคาเหล็ก ส่วนอายุการใช้งานขึ้นอยู่กับชนิดของไม้และกระบวนการเคลือบน้ำยาป้องกันปลวก การเลือกไม้มาทำโครงสร้างต้องเป็นไม้เนื้อแข็งที่เนื้อไม้ต้องแห้งสนิทจริงๆ เพื่อไม่ให้ไม้เกิดการ หด บิด หรือ ขยายตัวในอนาคตจากสภาพอากาศ เพราะสิ่งเหล่านั้นจะส่งผลต่อแผ่นหลังคาทำให้ร้าว แตกหักเสียหายได้นั่นเอง ส่วนการติดตั้งต้องการช่างที่ชำนาญงานจึงจะออกมาสวยงาม ท่านเจ้าของบ้านจึงต้องยอมทำใจกับค่าแรงที่จะสูงกว่าโครงเหล็กทั่วไป และระยะเวลาในการทำงานก็จะนานกว่าเช่นกัน เพื่อให้ได้งานที่สวยงามและพิถีพิถัน
3. โครงหลังคาวัสดุธรรมชาติอื่นๆ อันนี้อาจจะเรียกว่าโครงสร้างทางเลือกก็ได้ครับ เพราะไม่ใช่โครงสร้างที่เป็นที่นิยมแต่มักจะใช้เฉพาะที่หรือตามรสนิยมมากกว่า เช่นโครงหลังคาไม้ไผ่ ที่มักนิยมใช้กับบ้านพักตากอากาศหรือรีสอร์ทริมทะเลกันมากขึ้น โครงสร้างเหล่านี้มักต้องการช่างที่ชำนาญในการติดตั้งจึงมีราคาค่อนข้างสูง แต่สิ่งที่ได้มาคือความเป็นเอกลักษณ์น่าสนใจ และความภาคภูมิใจส่วนตัวของเจ้าของบ้านนั่นเอง ปลูกบ้านตามใจผู้อยู่ครับไม่จำเป็นต้องเหมือนใครก็ได้
Cr. forfur
Leave a Reply